ความหน้าซื่อใจคดเริ่มต้นอย่างไร? กลับไปที่ หนังสือปฐมกาล:

เราสวมมงกุฎด้วยอะไร?

ปฐมกาล 2:25 ชายนั้นกับภรรยาต่างเปลือยกายอยู่ และพวกเขาไม่รู้สึกละอายเลย ….

(ฮีบรู 2:7)
พระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์เพียงเล็กน้อย พระองค์ทรงสวมมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีและเกียรติให้แก่เขา.
ทว่าพระองค์สวมมงกุฏให้กับเราด้วยสง่าราศี (คุณค่า) (น้ำหนัก ความสว่าง เปล่งประกาย) และเกียรติยศ

มนุษย์ยุคแรกถูกปกคลุมด้วยสง่าราศี (คุณค่า)

พวกเขาเปลือยเปล่า (โปร่งใส)อยู่กับพระเจ้า ต่อกันและกันและแม้กระทั่งตัวเอง

ชื่อคริสตจักรของคุณ “เชคินาห์” เตือนใจผม = ที่อยู่อาศัยหรือตั้งถิ่นฐานอันศักดิ์สิทธิ์ การทรงสถิตของพระเจ้า (สง่าราศีของพระองค์, คุณค่า)

พลับพลารักษาการประทับทรงสถิตของพระเจ้า ขณะที่พวกเขาเดินทาง (อพยพ 40:38)

พระเยซูทรงประทับอยู่กับเรา (ยอห์น1:4)

เราคือพลับพลาใหม่ (1 โครินธ์ 3:16)

ย้อนกลับไปการประทับของพระเจ้าอยู่กับชาวอิสราเอลในรูปแบบของพลับพลา พระเยซูทรงอยู่กับเรา (พระเยซูทรงเป็นพระวจนะและอยู่กับเรา) ตอนนี้เราเป็นพลับพลาใหม่ มองว่าเราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์

เราสูญเสียอะไรไป? ปฐมกาล 3:7-10

7แล้วเขาทั้งสองก็ตาสว่าง และตระหนักว่าตนเองเปลือยกายอยู่ จึงเอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างกาย

8เย็นวันนั้นเขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงดำเนินอยู่ในสวน จึงหลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ให้พ้นจากพระองค์ 9พระเจ้าพระยาห์เวห์ตรัสเรียกหาชายนั้นว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน?”
10เขาทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินเสียงของพระองค์อยู่ในสวนก็กลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงหลบซ่อนตัวเสีย”

เราสูญเสียความสง่าราศีของเรา (คุ้มค่า) เมื่อพวกเขาไม่ได้คิด รู้สึก และเลือกทางของพระเจ้า
เราต้องการมีสง่าราศีมี ให้มีค่า แต่เราไม่เคยรู้สึกดีพอสําหรับพระเจ้า ผู้อื่น และตัวเราเอง
เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (โรม 3:23)

ใบมะเดื่อปกคลุม (ความหน้าซื่อใจคดครั้งแรก)
เราถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระเจ้า และไม่สามารถร้างภาพลักษณ์ของเราเองได้
เราพยายามฟื้นความรุ่งโรจน์ด้วยการจัดการภาพลักษณ์

การจัดการภาพลักษณ์:

อาดัมและเอวาคลุมตัวด้วยใบมะเดื่อเพื่อซ่อนความไม่มั่นคงของพวกเขา
นอกจากนี้เรายังฉายภาพร่างกาย ภาพลักษณ์ทางสังคม ภาพลักษณ์ภาพลักษณ์ทางศีลธรรม ภาพลักษณ์ของตัวเอง เพื่อซ่อนความไม่มั่นคงของเรา
เรายังคงรู้สึกว่าเราขาดมาตรฐาน – พระเจ้า ผู้อื่น และของเรา
เราต้องซ่อนสิ่งที่ไม่ดีและฉายภาพสิ่งที่ดี เพื่อให้คนอื่นชอบภาพลักษณ์ของเรา

ในพระเจ้าเราทุกคนมีค่า ระหว่างมูลค่าตลาดเทียบกับมูลค่าของพระเจ้าสําหรับเรา ในเอเสเคียล 20:7 “พวกเจ้าแต่ละคนจงทิ้งสิ่งที่น่าขยะแขยงซึ่งนัยน์ตาของเจ้าจ้องมองอยู่เสีย” เราชอบการใช้ชีวิตบนใบหน้ามากกว่าการใช้ชีวิตตามพระคุณ

ฉายภาพ: ใบหน้าที่ใช้ชีวิตหน้าซื่อใจคต = นักแสดง

ทั่วทั้งโลกเป็นเวที ทั้ง ชายและหญิงทั้งหมดเป็นเพียงผู้เล่นเท่านั้น พวกเขามีทางออกและทางเข้าของพวกเขา และชายคนหนึ่งในเวลาของเขาก็เล่นหลายตอน

จงระวังพวกธรรมาจารย์ พวกเขาชอบใส่เสื้อชุดยาวเดินไปมา ชอบให้ผู้คนมาคำนับทักทายในย่านตลาด ชอบนั่งในที่ที่สำคัญที่สุดในธรรมศาลาและที่อันทรงเกียรติในงานเลี้ยง 47เขาริบบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานยืดยาวให้คนเห็น คนเช่นนี้จะถูกลงโทษอย่างหนักที่สุด” -ลูกา 20:46-47

“และเมื่อท่านอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคดเพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนเพื่อให้คนเห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว 6เมื่อท่านอธิษฐาน จงเข้าไปในห้อง ปิดประตู และอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ไม่ปรากฏแก่ตา แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำอย่างลับๆ จะประทานบำเหน็จแก่ท่าน -มัทธิว 6:5-6

เราจะแสวงหาอะไร? เราแสวงหาความรุ่งโรจน์ (คุณค่า)

ยอห์น 5:44 ท่านจะเชื่อได้อย่างไร ถ้าหากท่านยอมรับคำสรรเสริญกันเอง แต่ไม่ขวนขวายหาคำสรรเสริญจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว

อะไรทําให้ท่านคิดว่าท่านมีค่าควรในสายตาของสมาชิกคริสตจักร บิดามารดา หรือผู้อื่น

หัวใจเบื้องหลังหน้ากากเป็นอย่างไร?

หัวใจที่กำลังแสวงหาความรุ่งโรจน์ (คุณค่า)
หัวใจที่ถูกประณามด้วยคําพูดที่ทำให้ค่าชองมันลง (ข้อ37)
หัวใจที่เห็นคุณค่าในการลดคุณค่าของคนอื่น (ข้อ41-42)
หัวใจสวมหน้ากากที่ขยายเสียงเพื่อกลบเสียงประณามที่มีกลิ่นเหม็น

37 “อย่าตัดสินแล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน อย่ากล่าวหาแล้วท่านจะไม่ถูกกล่าวหา จงให้อภัยแล้วท่านจะได้รับการอภัย -ลูกา 6:37

“เหตุใดท่านมองดูผงขี้เลื่อยในตาของพี่น้องแต่ไม่ใส่ใจกับไม้ทั้งท่อนในตาของท่านเอง? 42ท่านพูดกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘พี่น้องเอ๋ย ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของท่าน’? ในเมื่อตัวท่านเองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนในตาของตนเอง เจ้าคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของตนก่อนแล้วเจ้าจะเห็นชัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาของพี่น้องได้- ลูกา 6:41-42

เราจะฟื้นสิ่งที่หายไปได้อย่างไร?

มาหาเราทุกคนที่กำลังเหนื่อย คุณเป็นเหมือนคนที่ทํางานมานาน คุณเหมือนคนที่แบกของหนักๆ
“บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านพักสงบ -มัทธิว 11:28

ฟีลิปไปหานาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในพระราชบัญญัติ และที่พวกศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึง คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธบุตรชายโยเซฟ” 46นาธานาเอลถามเขาว่า “สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ” ฟีลิปตอบเขาว่า “มาดูเถิด” ยอห์น 1:45-46

ในหมู่ประชาชนที่ขึ้นไปเพื่อนมัสการในเทศกาลนั้นมีบางคนเป็นชาวกรีก 21พวกเขาไปหาฟีลิปซึ่งมาจากเบธไซดาในแคว้นกาลิลีและขอร้องเขาว่า “ท่านเจ้าข้า พวกเราอยากเห็นพระเยซู” 22ฟีลิปจึงไปบอกอันดรูว์ แล้วอันดรูว์กับฟีลิปมาทูลพระเยซู (ยอห์น 12:20-22)

พระเยซูตรัสว่า เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา – ยอห์น 17:22

เราจะได้รับพระสิริที่พระเยซูประทานแก่เราได้อย่างไร

เริ่มต้นขึ้นด้วยการแตกหัก พระสิริแห่งการสร้างใหม่: เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ การทรงสร้างใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งเก่าได้ล่วงไป สิ่งใหม่ได้เข้ามา! 2 โครินธ์ 5:17

คุณมีค่าเท่าไหร่?

พระเยซูทรงจ่ายค่าไถ่ของเรา เพราะแม้แต่บุตรมนุษย์ก็ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติแต่มาเพื่อปรนนิบัติและประทานชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก”มาระโก 10:45

พระเยซูทรงเปลี่ยนคุณให้เป็นคนมีค่า

พระผู้เป็นเจ้าทรงรักคุณมากจนพระองค์ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อท่านผู้มีศรัทธาในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์และไม่มีวันตายจริงๆ พระเจ้าไม่ได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประณามท่าน พระองค์ทรงส่งพระเยซูมาช่วยท่าน
“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ 17เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาในโลกเพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยทางพระบุตรนั้น (ยอห์น 3:16-17)

อย่าปล่อยให้คําพูด / ความรู้สึก / การกระทําของใครมาประณามคุณ

การสะท้อนตนเอง:

คุณใส่หน้ากากอะไรเพื่อปกปิดตัวเอง?

ทําไมคุณถึงซ่อนตัวอยู่หลังหน้ากาก?

พระเยซูจะทรงช่วยคุณด้วยหน้ากากที่คุณใส่ได้อย่างไร